รวมนักเตะไทยค้าแข้งในญี่ปุ่น (อดีต-ปัจจุบัน)

นับว่าการค้าแข้งของบรรดานักเตะแดนสยามที่โชว์เพลงแข้งเข้าตาบรรดาสโมสรชั้นนำระดับทวีปเอเชีย ชื่อดังอย่างศึก เจลีก ที่ว่ากันว่าคือลีกชั้นนำที่ดีที่สุดของเอเชียที่เข้ามาให้ความสนใจเหล่าแข้งไทยคุณภาพส่งออก ทั้งในอดีตตั้งแต่ยังไม่มีลีกอาชีพที่แข็งแกร่งอย่างไทยลีกในปัจจุบัน ทำให้การตัดสินใจไปหาประสบการณ์ครั้งสำคัญของอาชีพค้าแข้งของนักเตะไทย เลยไม่กล้าจะตัดโอกาสอนาคตตัวเอง จึงตกลงไปร่วมค้าแข้งกับทีมต่างๆ ที่ญี่ปุ่นกัน วันนี้บทความฟุตบอลไทยจะมาเล่าถึงนักเตะไทยทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันว่ามีใครบ้างที่เคยผ่านประสบการณ์ที่แสนจะหาซื้อไม่ได้นี้ กันบ้าง…

“เฮงซัง” วิทยา เลาหกุล

เขาผู้นี้เรียกได้ว่าเติบโตมากับฟุตบอลอาชีพญี่ปุ่นเลยก็ไม่ผิด โดย “เฮงซัง” มิดฟิลด์ฝีเท้าคุณภาพแห่งทีมชาติไทยในอดีต ได้ร่วมกับทีม ยันมาร์ ดีเซล ในปีพ.ศ. 2520 ซึ่งลงเล่นไป 33 เกม ยิงได้ 14 ประตู ต่อมาอีก 9 ปี ในปี พ.ศ. 2529 เขาก็โยกมาเล่นให้กับทีมมัทสึชิตะ หรืออีกชื่อหนึ่งที่คุ้นหูกว่าในปัจจุบันคือ กัมบะ โอซาก้า นั่นเอง หลังจากนั้น “โค้ชเฮง” ก็ยังเคยได้ลิ้มลองคุมทีมในฐานะโค้ชของ มัทสึชิตะ และ ทีมโตโตริ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลากรลูกหนังไทยที่อยู่กับวงการลูกหนังญี่ปุ่นมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย

รณชัย สยมชัย

จะว่าไปแล้ว รณชัย สยมชัย คือซุปตาร์ของการท่าเรือฯ ตั้งแต่อายุ 16 ปี ก่อนจะพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ได้อย่างยอดเยี่ยม และก็สามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโว ถ้วยพระราชทาน ก. ในปีพ.ศ. 2529 โดย รณชัย สยมชัย เป็นอีกคนที่ไปเล่นให้กับทีม มัทสึชิตะ ในช่วงเวลาที่มี “โค้ชเฮง” เป็นนักเตะของทีมและควบตำแหน่งโค้ชอีกด้วย

นที ทองสุขแก้ว

อดีตปราการหลังสุดแกร่งทีมชาติไทย ที่จนถึงตอนนี้ยังหาตัวแทนที่คล้ายเขาไม่ได้เลย ซึ่งจากเด็กจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ย้ายไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ กับทีม มัทสึชิตะ เมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยขณะนั้นเขามีอายุเพียง 24 ปี เท่านั้น ซึ่งทว่า นที สามารถเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง ดุดัน จนติดทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ของลีก 7 ครั้งเลยทีเดียว ส่วนรายได้ที่เปิดเผยเขาได้เงินปีละ 1 ล้านบาท โดยช่วงเวลานั้นถือว่าเป็นรายได้ที่เยอะมาก ต่อมา นที ก็ย้ายกลับบ้านเกิดประเทศไทย โดยเจ้าตัวเล่นเพียง 1 ปีเท่านั้น และหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้กลับไปค้าแข้งที่แดนซามูไรอีกเลย

สมชาย ทรัพย์เพิ่ม

ในอดีตที่ผ่านมา “โค้ชสมชาย” เคยเป็นนักเตะที่เก่งใช้ได้ในตำแหน่งกองกลาง ซึ่งเขาได้ค้าแข้งในไทยกับทีมวายุภักษ์ กรุงไทย ก่อนจะโยกไปเล่นในแดนซามูไรกับทีม คอสโม่ ออยล์ ทว่าได้อยู่เพียงแค่สั้นๆ 1 ปี เท่านั้น ก็กลับมาเล่นให้กับทีมทีโอที เอสซี (องค์การโทรศัพท์ในอดีต) จากนั้นก็แขวนสตั๊ดและคุมทีม แบงค็อก ยูไนเต็ด และ ทีโอที เอสซี ในเวลาต่อมา ไทยลีก 2017

พิชัย คงศรี

อดีตกองหน้าจอมโหม่งของไทย ครั้งหนึ่งเคยผ่านการเป็นดาวรุ่งฟอร์มยอดเยี่ยมของทีมธนาคารกรุงเทพ จนสามารถพาทีมได้แชมป์ถ้วย ก. ซึ่งภายหลังเจ้าตัวได้ออกมาเปิดเผยว่าได้ดูการเล่นและยิงประตูของ เคลาส์ ฟิชเชอร์ อดีตตำนานกองหน้าทีมเยอรมัน โดย พิชัย คงศรี เล่นได้สุดยอดถึงขนาดติดทีมดาราเอเชียอีกด้วย และก็โยกไปค้าแข้งร่วมกับทีมเทยิน ทีมในประเทศญี่ปุ่นด้วยระยะเวลาสั้นๆ

อดุลย์ หละโสะ (สุพรรณบุรี เอฟซี)

อดีตกองกลางกัปตันทีมชาติไทย  เริ่มต้นค้าแข้งอาชีพกับทีม “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี และเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้โดดเด่น บวกกับอายุที่ยังไม่เยอะ เลยได้โอกาสไปลิ้มลองประสบการณ์ต่างแดน โดยคนที่นำเขาไปคือ “โค้ชเฮง” ซึ่งช่วงนั้นเขาคุมทีม ไกนาเร ท็อตโตริ ทีมจากศึกดิวิชั่น 3 เลยดึงตัว อดุลย์ ไปร่วมลงเล่นที่ญี่ปุ่นแต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น โดยสุดท้ายแล้วเขาก็ย้ายกลับมาอยู่ค้าแข้งในไทยลีกตามเดิม ปัจจุบันค้าแข้งเล่นกับ สุพรรณบุรี เอฟซี

วรวรรณ ชิตะวณิช

แฟนบอลรุ่นใหม่ๆ คงจะไม่รู้จัก วรวรรณ ชิตะวนิช หนึ่งในกองกลางที่มีสไตล์การเล่นที่ครบเครื่องมากที่สุด แต่หากแฟนบอลยุค 80 ก็คงจะรู้จัก โดยเจ้าตัวเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลกับทีม ราชประชา หลังจากนั้นก็ได้ติดทีมชาติไทย และก็ได้แชมป์ซีเกมส์ 3 ครั้ง และก็กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมช้างศึกในเวลาไม่นาน ซึ่งจะว่าไปแล้ว วรวรรณ เคยผ่านการค้าแข้งกับทีมหลายทีม อาทิ วีบอร์ก ทีมจากประเทศเดนมาร์ก และทีมเทยิน ของญี่ปุ่นอีกด้วย

สิทธิโชค ภาโส (ชลบุรี เอฟซี & คาโงชิม่า ยูไนเต็ด)

มาพูดถึงแข้งปัจจุบันดาวรุ่งกันบ้าง “เจ้าย้า” สิทธิโชค ภาโส เด็กหนุ่มน้อยวัย 18 ปี จากจังหวัดสมุทรปราการ ของสโมสรชลบุรี เอฟซี ได้ลองไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ของชีวิต ด้วยการไปเล่นให้กับ คาโงชิม่า ยูไนเต็ด ทีม เจ 3 (ดิวิชั่น 3 ลีกญี่ปุ่น) จาการพาไปของ “โค้ชเฮง” (อีกแล้ว) ด้วยวัยเพียงน้อยนิด ทำให้เจ้าตัวต้องพยายามมากกว่าปกติ เพราะการแข่งขันสูงมากซึ่งจะต่างกับไทยลีกโดยสิ้นเชิง ซึ่งมีอุปสรรคตรงที่ภาษาการสื่อสารกับเพื่อนในทีม และสภาพแวดล้อม แต่ด้วยกำลังใจที่ดีจากครอบครัวทำให้เจ้าตัวฮึดสู้ จนสามารถลงเล่นกับทีมได้ และก็ช่วยทีมต้นสังกัดเอาชนะคู่แข่งได้ คาโนยะ เอฟซี 3-0 เมื่อ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยเอมเพอร์เรอร์ คัพ 2017 รอบคัดเลือก หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ต้องเอาใจช่วย “เจ้าย้า” กันต่อไป

ชนาธิป สรงกระสินธ์ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด & คอนซาโดเล่ ซัปโปโร)

“ชนาคุง” ย้ายมาร่วมทีมแห่งศึกเจลีก ญี่ปุ่น ด้วยสัญญายืมตัว 18 เดือน หรือราว 1 ปีครึ่ง จากนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องติดตาม โดย ชนาธิป เรื่องคุณภาพฝีเท้าไม่ต้องบรรยายสัพคุณอะไรมากมาย เพราะต่างรู้กันแล้วว่าเขาเล่นได้ในไทยลีกอย่างไม่มีข้อกังขา แต่ในระดับเจลีก ที่มาตราฐานสูงกว่าไทยลีกนั้น ถือว่ายังเป็นเครื่องหมายคำถาม เพราะต้องคอยติดตามดูว่า เมสซี่เจ จะแผลงฤทธิ์ได้เหมือนกับตอนที่เล่นในกับกิเลนผยองได้หรือไม่ ?

จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด & เอฟซี โตเกียว)

“เจ้าไอซ์” ก่อนหน้านี้เคยได้โอกาสไปทดสอบฝีเท้าร่วมกับ “เจ้าพี” ศศลักษณ์ ไหประโคน ปีกซ้ายของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งตอนนั้นเป็นแข้งของ แบงค็อก ยูไนเต็ด เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งระยะเวลาการไปฝึกซ้อมเป็นเวลา 10 วัน ที่สโมสร เอฟซี โตเกียว ทีมดังชั้นนำของเจลีก ญี่ปุ่น ซึ่งหลังการทดสอบฝีเท้าเสร็จ นาโอกิ อากาเนะ กุนซือทีมเอฟซี โตเกียว ก็ชื่นชอบสไตล์ของ “เจ้าไอซ์” ที่เป็นนักเตะที่กล้าเล่น กล้าเลี้ยง รวดเร็ว จึงเป็นการตัดสินใจเลือก “เจ้าไอซ์” มาร่วมทีมในที่สุด จากนี้ไป จะเป็นอย่างไรต่อไปต้องติดตามกันนะครับ

สรุปเนื้อเรื่องทั้งหมดของบทความบอลไทยวันนี้…จากนี้ไปอนาคตเราอาจจะได้เห็นแข้งไทยไปโลดแล่นในเจลีก ญี่ปุ่นกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันก็เป็นข้อดีสำหรับวงการฟุตบอลไทย เพราะนักเตะเหล่านี้จะได้นำประสบการณ์ต่างแดนที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้มาเผยแพร่แก่น้องๆ รุ่นหลังๆ ที่สนใจอาชีพนักฟุตบอลแล้วอยากจะเก่งแบบรุ่นพี่ๆ.

#คนมือบอลไทย